เว็บบอร์ด
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ตัลกีล تلقىن

Go down

ตัลกีล تلقىن  Empty ตัลกีล تلقىن

ตั้งหัวข้อ by Profile Sun Jul 27, 2014 4:55 pm

ตัลกีล تلقىن  


จากอุษมาน บิน อัฟฟาน เล่าว่า ปรากฏว่า เมื่อท่านรอซูล เสร็จสิ้น จากการฝังผู้ตายแล้ว ท่านจะหยุดอยู่ ณ ที่นั้นพร้อมกับกล่าวว่า พวกท่านจงขออภัยโทษให้กับพี่น้องของพวกท่าน และขอให้เกิดความหนักแน่นกับผู้ตาย เพราะขณะนั้นเขากำลังถูกถาม(1)


โดย อบูดาวูด ซึ่งอัลฮากิมถือว่าเศาะฮิหฺ



1 .หะดีษนี้ระบุชัดเจนว่า จะมีการถามผู้ตายเกี่ยวกับเอกภาพ รซูลและนบี ท่านจึงให้คนมีชีวิตอยู่ ณ ที่นั้นขออภัยโทษและให้หนักแน่นกับผู้ตายในการตอบคำถาม


 ตัลกีล تلقىن  

จากฎอมเราะฮฺ บิน หะบีบ ซึ่งเป็นคนหนึ่งในหมู่ตาบิอีน เล่าว่าพวกเขา(ศอฮาบะ)ต่างพอใจขณะที่หลุมฝังของผู้ตายกลบเรียบร้อยแล้ว คนอื่นๆกลับไปแล้วจะมีคำกล่าว ณ ที่หลุมฝังว่า โอ้คนนั้น ขอจงกล่าวว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ สามครั้ง โอ้คนนั้น ขอจงกล่าวว่า พระเจ้าของฉัน คือ อัลลอฮฺ ศาสนาของฉัน คือ อิสลาม และ นบีของฉัน คือ มุหัมมัด(2)



บันทึกโดย สะอีด บิน มันศูร หะดีษ มาวกูฟและบันทึกโดย อัฏฏอบรอนีเหมือนกับ(3)(หะดีษที่เล่าจาก สะอีด)แต่เล่าจาก อบู อุมามะฮฺ หะดีษ มัรฟูอฺ ซึ่งมีรายละเอียดมาก





2. ตัลกีล หมายถึง การแนะนำผู้ตายซึ่งอาจแบ่งได้สองประเภท   -การแนะนำขณะใกล้จะตายคือ ให้ผู้ใกล้ตายกล่าว ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ  โดยกล่าวแนะนำที่หูและไม่ให้กล่าวซ้ำในเวลาใกล้เคียงกันจะทำให้ฟังสับสน  ทั้งนี้โดยพื้นฐานจาก หะดีษที่ว่า



لقنوا مو تا كم لااء له اء لا الله فاء من كا ن ا خر كلا مه لا اء له اء لا الله د خل  الجنة


-เป็นการแนะนำที่ในทางบัญญัติ มีทัศนะที่ต่างกัน กล่าวคือกล่าวที่หลุมฝัง ขณะฝังเรียบร้อยแล้ว


ซึ่งอิหม่ามมาลิก และอะหฺมัดไม่ได้ถือ ปฏิบัติ เพราะไม่มีหะดีษที่เศาะฮิหฺระบุ


ส่วน อิหม่าม หะนีฟะฮฺและอิหม่ามซาฟิอี ถือหลักจาก หะดีษทั่วไปที่ระบุว่า  บุคคลใดก็ตามพอจะทำอะไร ให้เป็นประโชยน์กับพี่น้องของเขาก็จงทำเถิด ด้วยคำว่าคนตายนั้น อัลลอฮฺทรงให้มีความสามรถได้ยินเสียงของคนเป็น และแม้แต่เรื่องรองเท้าแตะที่เดิน ณ กุบูรฺ ซึ่งถือจาก หะดีษ อบู อุมามะฮฺที่อิหม่าม อัฏฏอบรอนี บันทึกไว้  ซึ่งเป็นกรณี ที่ชาวชาม ถือ ปฏิบัติ



3.เช่านเดียวกันของหะดีษที่เล่าจาก ฎอมเราะฮฺมีย่อดังนี้ ว่า อบู อุมามะฮฺสั่งว่า เมื่อเขาตายให้ทำอย่างที่ท่านรซูล(ซล) สั่งให้พวกเราทำกับผู้ตายของพวกเรา กล่าว คือ เมื่อฝังเสร็จให้ยืนด้านทิศศีรษะ..ฯลฯ โดยสรุปแล้ว การตัลกีล แม้เป็นหะดีษที่ฎออีฟ แต่ อุละมาอฺ สายสำนักความคิดชาฟิอีพอใจที่จะถือปฏิบัติในส่วนของหะดีษฎออีฟนั้น ญุมฮูรถือ ปฏิบัติในเชิงคุณค่า ย่อมปฏิบัติได้


بلوغ المرام

Bulugh al-Maram


แก้ไขล่าสุดโดย Profile เมื่อ Sat Aug 23, 2014 12:33 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Profile
Profile
Admin

จำนวนข้อความ : 266
Join date : 25/07/2013

http://abcde555.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ตัลกีล تلقىن  Empty Re: ตัลกีล تلقىن

ตั้งหัวข้อ by Profile Sat Aug 23, 2014 12:30 pm

บทความพิเศษ จาก wbb

เรื่อง ตัลกีนนั้นอ่านได้ไหม?

พี่น้องครับ...

ในสังคมบ้านเรานั้น เมื่อคนๆหนึ่งได้เสียชีวิตไป
และเราได้จัดแจงฝังศพ จนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

เรามักจะเห็นผู้รู้แถวบ้านเราเขารวมตัวกัน
อ่านอะไรสักอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ...
และถ้าหากเราอดใจรอสักครู่...เพื่อสอบถามว่าเขาอ่านอะไรกัน...

เราคงจะได้รับคำตอบเกีอบเป็นเสียงเดียวกันว่า

“ เขาอ่าน ตัลกีน”


เมื่อเอ่ยคำว่าตัลกีน ขึ้นมา...
เราคงอาจจะสงสัยตามมาหลายประเด็นด้วยกัน

เช่น...
ทำไมต้องอ่านตัลกีน?...
แล้วไม่อ่านไม่ได้หรือ?...
แล้วนั้นมันมัสฮับอะไร?ฯลฯ

และหากคนๆนั้นเป็นสมาชิกของช่องจานดำ
หรือติดตามอาจารย์หนุ่มใหม่ไฟแรงทั้งหลายของช่องดาวเทียมต่างๆ มาพอสมควรก็คงเกิดคำถามขึ้นอีกว่า...

แล้วท่านนาบีทำเหรอ?...
บิดอะฮ์หรือเปล่า?...ฯลฯ

และหากท่านใด ที่เสพติดช่องต่างๆดังกล่าวจนหัวปักหัวปำแล้ว
ก็อาจจะมองดูคนอ่านอย่างตาเป็นมันเลยทีเดียวเชียว...

เอาเถอะครับ...
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเถอะครับ...
เรามาดูจุดยืนของผู้ที่เขาปฏิบัติกันจะดีกว่าไหม?...
อย่างน้อยเราเองจะได้ไม่กล่าวหาใครเขาง่ายๆ
เหมือนอาจารย์ผู้อ้างตนว่า ซุนนะฮ์ ระดับเซียนของเมืองไทยหลายๆท่านนะครับ...


พี่น้องครับ...

การตัลกีนที่เราได้ยินชื่อกันมาแล้วนั้นมันคืออะไรครับ?

ตอบสั้นๆก็คือ...มันคือการย้ำเตือนผู้ตายในหลุมฝังศพให้มั่นคงบนการปฏิญาณตน ว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์...

และท่านศาสดามูฮัมหมัดคือ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์

(พี่น้องอย่าเพิ่งรีบติงนะครับว่า "จะไปเตือนทำไมคนที่ตายไปแล้ว"...
อ่านให้จบก่อนนะครับ)


หากมีคนถามว่า การกระทำดังกล่าวมีตัวบทสั่งใช้หรือ?
เราอาจจะถามกลับไปว่า แล้วมีตัวบทสั่งห้ามหรือ?
เขาอาจจะบอกกลับมาอีกว่า นาบีไม่ได้ทำเป็นแบบอย่างไม่ใช่หรือ?
เราก็อาจจะบอกว่า...แล้ว บรรดาผู้สืบทายาททางวิชาการของท่านศาสดาเขาว่ากันอย่างไร?
แต่หากเขาบอกว่า...
นาบีไม่ทำก็ไม่ต้องทำสิ ตามอุลามะอฺ ทำไมกัน?

ขอพี่น้องกล่าวอย่างใจเย็นๆนะครับว่า

“ หากจุดยืนของคุณมีแค่นี้...เราคงต้องเดินกันคนละทางแล้วกระมัง”


พี่น้องครับการที่ชนบางกลุ่ม
อ้างว่าการอ่านตัลกีน เป็นสิ่งฮารอมนั้น
นับว่าไม่มีฐานความเข้าใจในเรื่องราวศาสนาอย่างครอบคลุมและกว้างขวางนัก...

ยิ่งนำเรื่องราวดังกล่าวมาสร้างชนวนความแตกแยก...ก็ยิ่งนับว่า
ไม่มีความรับผิดชอบทางหลักวิชาการเอาเสียเลย

การป่าวประกาศว่า
การอ่านตัลกีนเป็นบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ...
ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม่รู้จักแยกแยะเรื่องราวศาสนาให้ดำเนินไปบนครรลองที่ควรจะเป็น


ก็เลยเกิดคำถามขึ้นว่า...
แล้วคำกล่าวอ้างของพวกเขามีข้อเท็จจริงแค่ใหน?


ลองเรามาดูฮาดีษของท่านศาสดาบทนี้กันนะครับ...
แล้วค่อยมาว่ากันต่อ...


ท่านอีหม่าม ฏอบรอนีย์
ได้ทำการบันทึกฮาดีษบทนี้ ไว้ใน

“ มุอฺญัม อัซ-ซอฆีร” และใน “มุอฺญัม อัล-กาบีร”

ซึ่งสืบสายรายงานมาจากท่าน
อาบี อูมามะฮ์ อัลบาฮีลีย์ ซึ่งท่านได้กล่าวว่า


إذا أنا مت فاصنعوا بي كما أمرنا رسول الله صلى الله عليه وسلم أن نصنع بموتانا، أمرنا رسول الله صلى الله عليه وسلم فقال: إذا مات أحد من إخوانكم فسويتم التراب على قبره فليقم أحدكم على رأس قبره ثم ليقل: يا فلان ابن فلانة فإنه يسمعه ولا يجيب، ثم يقول: يا فلان ابن فلانة فإنه يستوي قاعداً، ثم يقول: يا فلان ابن فلانة فإنه يقول أرشدنا يرحمك الله ولكن لا تشعرون، فليقل: اذكر ما خرجت عليه من الدنيا شهادة أن لا إله إلا الله وأن محمداً عبده ورسوله وأنك رضيت بالله رباً وبالإسلام ديناً وبمحمد نبياً وبالقرءان إماماً فإن منكراً ونكيراً يأخذ كل واحد منهما بيد صاحبه ويقول: انطلق بنا ما يقعدنا عند من لُقّن حجته، قال [أي أبو أمامة]: فقال رجل: يا رسول الله فإن لم يُعرف أمه، قال: ينسبه إلى أمه حواء، يا فلان ابن حواء” .


ความว่า

“ เมื่อฉันได้ตายไปแล้ว...
ขอพวกท่านจงปฏิบัติกับฉันดังที่องค์ศาสดาได้สั่งเราให้ปฏิบัติต่อผู้ตายในหมู่พวกเรา...

ท่านศาสดา(ซอลลัลลอฮูอาลัยฮีวาซัลลัม)ได้สั่งพวกเราไว้ว่า

“เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพี่น้องร่วมศรัทธาของพวกท่าน
ได้เสียชีวิตลง...
ท่านทั้งหลายจงเกลี่ยดินบนหลุมฝังศพให้ดูเสมอกัน

และพวกท่านคนใดคนหนึ่งจงยืน ณ ส่วนศีรษะของ(ผู้ตายใน)หลุมฝังศพนั้น และให้เขากล่าวว่า...

“โอ้นาย...... บุตรของ นาง....."

เนื่องจากว่าศพนั้นจะได้ยิน(คำกล่าวของ)ผู้นั้นแต่เขาไม่อาจตอบรับได้

หลังจากนั้นก็ให้เขากล่าวว่า


“ โอ้ นาย..... บุตรของนาง....”

เนื่องจากผู้ตายจะลุกขึ้นนั่งตัวตรง...

หลังจากนั้นให้เขากล่าวว่า


“โอ้นาย....... บุตรของนาง.........”


เนื่องจากผู้ตายจะกล่าวขึ้นว่า

“ ท่านจงชี้นำแก่เราเถิด... ของอัลลอฮ์ทรงเมตตาท่านเถิด”

แต่พวกท่านทั้งหลายนั้นไม่รับรู้ได้(ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับศพนั้น)

หลังจากนั้น ก็ให้เขากล่าวว่า


“(โอ้นาย....บุตรของนาง....เอ๋ย)
ท่านจงรำลึกถึงสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ท่านถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้เถิด...นั้นก็คือการปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอันควรแก่การสักการะกราบไว้ นอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น

และ มูฮัมหมัดคือ ศาสนทูตของพระองค์
(และปฏิญานตนว่า)ท่านนั้นได้พึงพอใจในการยึดถืออัลลอฮ์เป็นพระเจ้า
และ(พอใจในการยึดถือว่า)อิสลามเป็นศาสนา
และ(พอใจในการยึดถือว่า)มูฮัมหมัดนั้นคือศาสดาของท่าน
และ(ยึดถือว่า)อัลกุรอ่านคือ สิ่งที่ส่องสู่หนทางนำ”


เนื่องจาก... มาลาอีกัต มุงกัร และ นากีร นั้นต่างก็จะจับมือของสหายอีกคนไว้ พลางกล่าวว่า

“ เราไปกันเถอะ ไม่มีสิ่งใดที่จะมาทำให้เราต้องนั่ง(สอบสวน)
ณ ศพที่ได้ถูกสอน(และเตือนให้รำลึก)ถึงหลักฐานโต้แย้งแก่เขาแล้ว”


อาบูอูมามะฮ์(ผู้รายงาน ฮาดีษ)ได้กล่าวแก่องค์ศาสดาว่า

“ โอ้ท่าน ศาสดา และหากว่าเราไม่ทราบชื่อมารดาของศพหละครับ?”

ท่านศาสดา ตอบว่า

“ ก็จงพาดพิงสายตระกูลไปยังมารดา(แห่งมนุษยชาติเถิด)...นั้นก็คือ พระนาง เฮาวาอฺ(ภรรยานบีอาดัม)
(โดยกล่าวว่า)

“โอ้นาย...... บุตรของ นางเฮาวาอฺ”

(บันทึกโดย อิหม่าม อัลฮาฟิซ ฏอบรอนีย์ ใน

หนังสือของท่าน

“ มุอฺญัม อัซ-ซอฆีร”และ “มุอฺญัม อัลกาบีร”

พี่น้องครับ...

ฮาดีษข้างต้นนั้น...

ท่านอิบนุฮาญัร อัลอัซกอลานียฺ อัช-ชาฟีอียฺ อัล-อัชอารีย์

ผู้ได้รับสมญานามว่า

“ ผู้นำแห่งเหล่านักวิชาการฮาดีษ”

ท่านได้จัดให้มันอยู่ในสถานะที่อนุญาตให้ใช้ได้
ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า
"อัต-ตัลคีซ"
ว่า



وإسناده صالح وقد قواه الضياء في أحكامه


ความว่า

“สายรายงานของฮาดีษบทนี้นั้น ถือว่าดี(หมายถึง นำมาใช้ได้)
และท่าน อัลฮาฟิซ อัฎฎิยาอฺ ยังได้ให้น้ำหนักกับ
สายรายงานดังกล่าวเอาไว้ในหนังสือ “ อะฮฺกาม” ของท่าน”


ดังนั้น...พี่น้องครับ...

อย่างน้อยที่สุดแล้วนั้น...เราก็ได้ทราบว่าการอ่านตัลกีนที่พี่น้องได้กระทำอยู่นั้น มีหลักฐานทางวิชาการรองรับอยู่
ไม่ได้คิดเองเออเอง...
ชงเองกินเองเหมือนที่บางกลุ่มได้กล่าวหา

และถึงแม้สายรายงานของฮาดืษข้างต้น อาจอยู่ในสถานะที่มีการถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการฮาดีษ...

แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าสายรายงานฮาดีษเกี่ยวกับเรื่องตัลกีน
ที่เราปฎิบัติอยู่นั้น
ก็ยังมีปราชญ์วิชาการฮาดีษนามอุโฆษแห่งโลกอิสลาม
หลายท่าน...ได้ถือว่าใช้ได้และมีน้ำหนัก


พี่น้องที่เคารพ...

เมื่อเราได้รับรู้ถึงฮาดีษบางส่วนที่บอกเราถึงเรื่องของการตัลกีนแล้ว...

จากนี้ไป...เราลองมาดูทรรศนะของปวงปราชญ์ใน
แต่ละสังกัดมัสฮับกันดูนะครับ
ว่าพวกเขาตัดสินเรื่องนี้กันอย่างไร?


อันดับแรก

ขอนำเสนอทรรศนะของปราชญ์ในมัสฮับ ฮานาฟีย์ท่านหนึ่ง
ผู้ได้รับการยอมรับในหมู่ปวงปราชญ์แห่งยุคสมัย

นั่นก็คือท่าน เชค อับดุลฆอนียฺ อัลฆอนีมียฺ อัด-ดีมัชกียฺ
อัลฮานาฟียฺ (ร.ฮ) ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ใน หนังสือของท่าน ชื่อว่า

“ อัล-ลูบาบ ฟี ชัรฮิล กีตาบ”
เล่มที่ 1 หน้า 125
ดังนี้



: “وأما تلقينه (أي الميت) في القبر فمشروع عند أهل السنة لأن الله تعالى يحييه في قبره”.


ความว่า

“อนึ่ง...การตัลกีนศพซึ่ง(ได้ถูกฝังไว้)ในกุบุรแล้วนั้น
ถือได้ถูกบัญญัติ(ตามทรรศนะ)แห่งอะฮลุซซุนนะฮฺ

เนื่องจากองค์อัลลอฮฺนั้นจะทรงให้เขาฟื้นตัวในหลุมฝังศพของเขานั้น”


พี่น้องที่มีเกียรติ...

อย่างน้อยเราก็รู้เพิ่มเติมขึ้นมาอีกนิดใช่ไหมครับว่า
ปวงปราชญ์ในมัสฮับ ฮานาฟีย์ นั้น ได้มีทรรศนะว่า

อนุญาตให้อ่านตัลกีน

และอย่างน้อยเราก็รับทราบได้บ้างใช่ไหมครับว่า

ยังมีชนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจุดชนวนกล่าวหาว่าปราชญ์ผู้สังกัด
มัสฮับ ฮานาฟียฺ ท่านนี้กระทำบิดอะฮฺ(ผมไม่ได้กล่าวหานะครับ...เพียงแค่บอกว่า กำลังจุดชนวนกล่าวหา)


ปราชญ์อีกท่านหนึ่งที่อยากนำเสนอก็คือ

ท่านอีหม่ามผู้โด่งดัง...แห่งมัสฮับ มาลีกีย์...

ผู้เรียบเรียงตำราอรรถาธิบายอัลกุรอ่านอันเลื่องชื่อ

นั้นก็คือท่าน อีหม่าม กุรตูบีย์(ร.ฮ) นั้นเองครับ...

ท่านอืหม่าม กุรตูบีย์ ท่านนี้ไ่ด้เรียบเรียงตำราไว้บทหนึ่ง
เพื่ออธิบายเรื่องตัลกีนตามแนวทางแห่งมัสฮับมาลีกีย์
โดยเฉพาะ...

และตำราของท่านเล่มนั้นมีชื่อว่า

“ อัต-ตัซกีเราะฮฺ บิล อะฮฺวาลิล เมาตา วัล อาคีเราะฮฺ”

ในหน้าที่ 138-139 ซึ่งหัวข้อที่ท่านเขียนคือ


باب ما جاء في تلقين الإنسان بعد موته شهادة الإخلاص في لحده


ความว่า

“ บทที่ว่าด้วย... บทบัญญัติของการ ย้ำเตือนมนุษย์ภายหลังจากการตายให้ระลึกถึงคำปฏิญาณตนในหลุมฝังศพ (ตัลกีน)"


พี่น้องครับ...

ในบทดังกล่าวนั้น...
ท่านอีหม่ามกุรตูบียฺได้อธิบายให้เราได้รับทราบว่า
การอ่านตัลกีนนั้น ถือเป็นสิ่งที่ปวงปราชญ์อิสลามในเมือง
กุรตูบะฮฺ(เมืองของท่าน)ได้ถือปฏิบัติกัน...

และท่านยังได้บอกพวกเราให้ทราบถึงเรื่องราวของปวงปราชญ์ที่อนุญาตให้อ่านตัลกีน


พี่น้องที่รักครับ...

อย่างน้อยเราก็ได้ทราบแล้วใช่ไหมครับว่า
ปวงปราชญ์ใน มัสฮับ มาลีกีย์ นั้นก็ได้วินิจฉัยว่า

การอ่านตัลกีนนั้น เป็นที่อนุมัติ

และอย่างน้อยเราก็รู้เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่งว่า...
ยังมีชนบางกลุ่มกำลังจุดชนวนกล่าวหา
ว่าปวงปราชญ์ สังกัดมาลีกีย์ นั้นกระทำบิดอะฮฺ


และคงจะลืมเสียไม่ได้ที่จะกล่าวถึง
ทรรศนะของปวงปราชญ์ใน มัสฮับ ชาฟีอีย์ ที่เราท่านยึดรูปแบบปฏิบัติกันอยู่...


ซึ่งสำหรับมัสฮับ ชาฟีอีย์นี้ Wbb ขอนำเสนอทรรศนะ
ของปราชญ์มัสฮับชาฟีอีย์ท่านหนึ่ง
ที่นับว่ามีคุณประการ ต่อมวลมุสลิมอย่างยากที่จะปฏิเสธ

ซึ่งท่านมีชื่อว่า “ อิหม่าม นาวาวีย์ (ร.ฮ)"นั้นเองครับ

ท่านอีหม่าม นาวาวีย์ ได้กล่าวไว้ใน
หนังสือ มัจญมุอฺ ของท่าน
เล่มที่ 5 หน้าที่ 304-305 ดังนี้



قال جماعات من أصحابنا يستحب تلقين الميت عقب دفنه” ثم قال: “ممن نص على استحبابه: القاضي حسين والمتولي والشيخ نصر المقدسي”


ความว่า

“ ปวงปราชญฺแห่งสังกัดชาฟีอียฺหลายต่อหลายกลุ่ม
ได้ให้ทรรศนะกันว่า
เป็นที่ส่งเสริมให้กระทำการ อ่านตัลกีนแก่ศพ ภายหลังจากการ ฝังแล้ว”

.........และท่านยังได้กล่าวว่า

“ ส่วนหนึ่งจากผู้ที่ ยีนยันว่ามันคือ สุนัตนั้น ก็คือ อัลกอฎี ฮุเซ็น และ อัลมุตาวัลลียฺ และเชค นัสรฺ อัลมักดีซียฺ”

และในหนังสือเล่มเดียวกันนี้ยังได้ให้ความกระจ่างไว้อีกว่า



“وسئل الشيخ أبو عمرو بن الصلاح رحمه الله عنه فقال: التلقين هو الذي نختاره ونعمل به”



ความว่า

“ และได้มีผู้ถาม ท่านเชค อาบู อัมริน บิน ซอลาฮ์(ร.ฮ)
(ซึ่งเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งของอีหม่ามนาวาวีย์)
เกี่ยวกับการอ่านตัลกีน
ท่านได้ตอบว่า

“ การอ่านตัลกีนนั้นคือสิ่งที่เรา(ปวงปราชญ์มัสฮับชาฟีอียฺ
ทั้งหลาย)ได้เลือกเฟ้นแล้ว
และพวกเราก็ได้ ปฏิบัติสิ่งดังกล่าวกัน”



พี่น้องครับ...

ผมและพี่น้องส่วนใหญ่ก็ดำเนินตามสังกัดแห่งชาฟีอียะฮฺกัน
คงไม่น่าเกลียดใช่ไหมครับหากจะยกตัวอย่างปราชญ์ในสังกัดของเรามาสักอีกหนึ่งท่าน


ซึ่งท่านคนนี้ ก็มีคุณประการต่อมวลมุสลิมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า
ท่านอิหม่าม นาวาวีย์เลย...

ซึ่งท่านก็คือ อิหม่าม อาบูกอซิม อัร-รอฟีอีย์ (ร.ฮ)นั้นเอง...
ท่านอีหม่าม รอฟีอีย์ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือของท่านที่ชื่อว่า

“ ฟัตฮุล อาซิซ บิ ชัรฮิล วาญิซ”ดังนี้



“ويستحب أن يُلقن الميت بعد الدفن فيقال: يا عبد الله بن أمة الله …” إلى اخره .


ความว่า

“ได้ส่งเสริมให้มีการอ่านตัลกีนแก่ศพภายหลังจากที่ฝังเสร็จแล้วจากนั้นก็ให้กล่าวว่า

“ โอ้..บ่าวชายของอัลลอฮ์ซึ่งเป็นลูกของ
บ่าวหญิงของอัลลอฮ ....................... จนจบคำกล่าวของท่าน

พี่น้องมุสลิมที่รัก

มุสลิมส่วนใหญ่ในประเทศนี้...
ดำเนินรูปแบบแห่งสังกัดชาฟีอียฺมาช้านาน...
แล้วทำไมเราถึงปล่อยให้ชนผู้แอบอ้าง...มาสร้างความแตกแยกในสังคมของเราหละครับ...


ปวงปราชญ์จาก 3 มัสฮับแล้วนะครับที่
ถูกจุดชนวนว่าเป็นผู้กระทำบิดอะฮ์...


และคงไม่ลืมที่จะกล่าวถึง
มัสฮับสุดท้ายอันเป็นที่ยอมรับในโลกมุสลิมจากอดีตจวบจนปัจจุบัน

นั้นก็คือ มัสฮับ ฮัมบาลีย์ไงหละครับ...


ท่านอีหม่าม มันซูร บิน ยูซุฟ อัลบูฏิยฺ อัลฮัมบาลียฺ(ร.ฮ)
ได้ให้ความกระจ่างถึงเรื่องนี้ไว้ใน หนังสือของท่านมี่มีชื่อว่า

“ อัร-เราดุลมารียฺ” หน้าที่ 104

และท่าน อิหม่าม
อัล มัรดาวิย์ อัลฮัมบาลียฺ ก็ได้ให้ความกระจ่างถึงเรื่องนี้ไว้ใน หนังสือของท่าน ที่ชื่อว่า

"อัล อินซอฟ ฟี มะริฟะติล อัร-รอญิฮ์ มินัล คิลาฟ”
เล่มที่ 2 หน้า 548-549
ซึ่งหากพี่น้องเปิดดูจะพบว่าท่านได้กล่าวว่า


فائدة يستحب تلقين الميت بعد دفنه عند أكثر الأصحاب



ความว่า

“ คุณประโยชน์อันหนึ่ง...ได้สุนัตส่งเสริมให้มีการอ่านตัลกีน
แก่ศพภายหลังจากการฝังเสร็จสิ้นแล้ว...

(ซึ่งการกำหนดว่าสุนัตอ่านตัลกีนนี้คือ)ตามทรรศนะของปวงปราชญ์ส่วนมากในสังกัดฮัมบาลีย์นี้
(ส่วนที่เหลือได้กำหนดเพียงแค่ฮารูส)”


พี่น้องที่รักทั้งหลาย...

สุดท้ายก็บิดอะฮ์กันทั้ง 4 มัสฮับเลยหรือครับ?
แล้วกลุ่มชนผู้แอบอ้างเท่านั้นหรือคือผู้ถือซุนนะฮ?
แล้วประเด็นซึ่งเป็นข้อเห็นต่างทางหลักวิชาการลักษณะนี้
สมควรแล้วหรือที่จะนำมาเป็นชนวนกล่าวหาผู้อื่นว่า
กระทำอุตริกรรม?...


พี่น้องที่เคารพ...

ขอจงยืนหยัดในจุดยืนของเราให้ดีเถิด...
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นภายหลังจากนี้ก็ตาม...
และไม่ว่าวิกฤติการจะบานปลายสักเพียงใด...

ขอเราจงภูมิใจเถิด... หากเราต้องยืนตอบคำถามเรื่อง
ตัลกีนต่ออัลลอฮ์ในวันกียามัต พร้อมกับบรรดาปวงปราชญ์ทั้งหลายจาก 4 มัสฮับ...

และขอให้ตระหนักไว้เสมอว่า
เรื่องราวของการตัลกีนนั้น เป็นปัญหาปลีกย่อยในศาสนา...

อย่าได้นำมันมาเป็นเหตุแห่งการกล่าวหาผู้อี่นเลย...

ขอจงตริตรอง...แล้วเลือกแนวทางกันเถิด...


......wbb........
Profile
Profile
Admin

จำนวนข้อความ : 266
Join date : 25/07/2013

http://abcde555.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ